ข้อดีข้อเสีย ของการใช้อาหารสายยางทางหน้าท้องมีอย่างไรบ้างการใช้สายยางให้อาหารทางหน้าท้อง (PEG/G-Tube) มีทั้งข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างจากการใช้สายทางจมูก (NG Tube) โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาการให้อาหารในระยะยาวค่ะ
นี่คือสรุปข้อดีและข้อเสียของการใช้สายยางทางหน้าท้อง:
✅ ข้อดีของการใช้สายยางทางหน้าท้อง (PEG/G-Tube)
ข้อดี คำอธิบาย
1. เหมาะสำหรับระยะยาว เป็นวิธีการที่ปลอดภัยและสะดวกที่สุดสำหรับการให้อาหารต่อเนื่องนานกว่า 4–6 สัปดาห์
2. เพิ่มความสบาย ผู้ป่วยรู้สึกสบายกว่ามาก เพราะไม่มีสิ่งแปลกปลอมอยู่ในจมูกและลำคอ ลดความระคายเคืองและปัญหาสุขภาพช่องปาก/คอ
3. เสี่ยงต่อการเลื่อนหลุดน้อยกว่า เมื่อสายเข้าที่แล้ว มีโอกาสที่จะเลื่อนหลุดจากตำแหน่ง หรือถูกผู้ป่วยดึงออกโดยไม่ตั้งใจน้อยกว่าสาย NG Tube ที่ยึดด้วยพลาสเตอร์
4. ดูแลสุขอนามัยง่ายขึ้น การดูแลช่องปากและใบหน้าทำได้ง่ายกว่า ทำให้สุขอนามัยโดยรวมดีขึ้น
5. ดูดีกว่า (Aesthetic) สายยางไม่ปรากฏให้เห็นชัดเจนเท่าสายที่ผ่านจมูกและใบหน้า
❌ ข้อเสียของการใช้สายยางทางหน้าท้อง (PEG/G-Tube)
ข้อเสีย คำอธิบาย
1. ต้องทำหัตถการ การใส่สายต้องทำโดยแพทย์ภายใต้การส่องกล้อง (Endoscopy) และอาจต้องใช้ยาสลบหรือยาชา
2. ความเสี่ยงจากการติดเชื้อ มีความเสี่ยงที่จะเกิดการติดเชื้อ การอักเสบ หรือการระคายเคืองบริเวณรูเปิดที่หน้าท้อง (Stoma Site) หากดูแลความสะอาดไม่ดีพอ
3. ความเสี่ยงต่อการรั่วซึม อาจเกิดการรั่วซึมของน้ำย่อยหรืออาหารออกมาสัมผัสผิวหนังรอบสายยาง ซึ่งอาจทำให้ผิวหนังอักเสบและเกิดแผลได้
4. มีค่าใช้จ่ายสูงกว่า ค่าใช้จ่ายในการใส่สายครั้งแรกและค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนสายตามระยะเวลาที่กำหนดจะสูงกว่าสาย NG Tube
5. ภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนที่พบได้น้อย เช่น เลือดออกบริเวณที่ใส่สาย หรือการเคลื่อนที่ของสายยางเข้าไปในลำไส้เล็กโดยไม่ตั้งใจ