รวมเว็บลงประกาศฟรี ติด google
หมวดหมู่ทั่วไป => โพสต์ขายของฟรี => ข้อความที่เริ่มโดย: siritidaphon ที่ วันที่ 7 ตุลาคม 2025, 20:14:31 น.
-
ตรวจอาการเบื้องต้นด้วยตนเอง: ปลายประสาทอักเสบ (Peripheral Neuropathy) (https://doctorathome.com/)
ปลายประสาทอักเสบ (Peripheral Neuropathy) คือภาวะที่ระบบประสาทส่วนปลายซึ่งเชื่อมต่อระหว่างไขสันหลังกับส่วนต่างๆ ของร่างกายได้รับความเสียหาย ส่งผลให้การส่งสัญญาณประสาทผิดปกติไป มักจะแสดงอาการที่มือและเท้าเป็นอันดับแรก
อาการหลักของปลายประสาทอักเสบ
อาการจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับชนิดของเส้นประสาทที่เสียหาย (ประสาทรับความรู้สึก, ประสาทสั่งการ, หรือประสาทอัตโนมัติ) อาการที่พบบ่อยได้แก่:
อาการชาและเหน็บชา: มักเริ่มที่ปลายมือและปลายเท้า แล้วลุกลามขึ้นไปตามแขนขา มีความรู้สึกเหมือนใส่ถุงมือหรือถุงเท้าตลอดเวลา
อาการปวด: มีลักษณะปวดแปลบเหมือนถูกไฟฟ้าช็อต ปวดจี๊ดๆ ปวดแสบปวดร้อน หรือปวดเหมือนถูกเข็มทิ่มแทง
ความรู้สึกไวผิดปกติ: ผิวหนังไวต่อการสัมผัสมาก แม้สัมผัสเบาๆ ก็รู้สึกเจ็บปวด
กล้ามเนื้ออ่อนแรง: โดยเฉพาะที่เท้า ทำให้ยกเท้าไม่ขึ้น (Drop Foot) เดินลำบาก และอาจเกิดอาการกล้ามเนื้อฝ่อลีบในระยะยาว
เสียการทรงตัว: เดินเซ หกล้มง่าย เนื่องจากสูญเสียการรับรู้ตำแหน่งของข้อต่อ
อาการอื่น ๆ (จากประสาทอัตโนมัติ): เช่น เหงื่อออกผิดปกติ ท้องผูก ท้องเสีย ความดันโลหิตต่ำเมื่อลุกขึ้นยืน (ทำให้รู้สึกหน้ามืด)
สาเหตุสำคัญของปลายประสาทอักเสบ
ปลายประสาทอักเสบเกิดได้จากหลายสาเหตุ โดยสาเหตุที่พบได้บ่อยที่สุดคือ:
โรคเบาหวาน (Diabetes): เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุด เนื่องจากระดับน้ำตาลในเลือดสูงเรื้อรังทำลายเส้นประสาทได้
การขาดวิตามิน: โดยเฉพาะวิตามินบี 1, บี 6, บี 12 และวิตามินอี
การบาดเจ็บหรือการกดทับเส้นประสาท: เช่น ภาวะเส้นประสาทถูกกดทับที่ข้อมือ (Carpal Tunnel Syndrome) หรือการอยู่ในท่าทางเดิมซ้ำๆ นานๆ
การติดเชื้อ: เช่น โรคเริม (Shingles), HIV
โรคทางภูมิคุ้มกัน (Autoimmune Diseases): เช่น โรค Sjogren's syndrome, โรค Lupus, Guillain-Barré syndrome
สารพิษและแอลกอฮอล์: การดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมากเป็นเวลานาน หรือการสัมผัสสารพิษ เช่น ตะกั่ว
ผลข้างเคียงจากยา: เช่น ยาเคมีบำบัดบางชนิด ยาปฏิชีวนะบางประเภท
โรคไตและโรคตับ: ทำให้เกิดความผิดปกติของสมดุลเคมีในร่างกาย
แนวทางการรักษา
เป้าหมายหลักในการรักษาคือการจัดการกับสาเหตุที่แท้จริงเพื่อป้องกันไม่ให้อาการแย่ลง และบรรเทาอาการปวดและความไม่สบายต่างๆ
การรักษาสาเหตุหลัก:
ผู้ป่วยเบาหวาน: ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติอย่างเคร่งครัด
ผู้ที่มีปัญหาขาดวิตามิน: รับประทานอาหารเสริมวิตามินตามคำแนะนำของแพทย์
ผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์หนัก: งดหรือลดการดื่มแอลกอฮอล์
กรณีมีการกดทับ: อาจต้องพิจารณาการทำกายภาพบำบัด หรือการผ่าตัดเพื่อลดแรงกดทับ
การบรรเทาอาการปวด (Pain Management):
ยาบรรเทาอาการปวดเส้นประสาท: แพทย์อาจสั่งยาเฉพาะทางที่ใช้รักษาอาการปวดจากเส้นประสาทโดยเฉพาะ เช่น ยาต้านอาการชัก (Gabapentin, Pregabalin) หรือยาต้านเศร้าบางชนิด (Duloxetine, Amitriptyline)
ยาแก้ปวดทั่วไป: เช่น Paracetamol หรือ NSAIDs มักไม่ได้ผลดีกับอาการปวดเส้นประสาท
ยาทาภายนอก: เช่น ครีมหรือแผ่นแปะที่มีส่วนผสมของ Capsaicin หรือ Lidocaine
การบำบัดและฟื้นฟู:
กายภาพบำบัด: ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ และปรับปรุงการทรงตัว
การใช้อุปกรณ์ช่วยเดิน: เช่น ไม้เท้า, สนับแขนขา หรือรองเท้าที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ เพื่อช่วยในการเคลื่อนไหวและป้องกันการหกล้ม
การดูแลตนเอง:
การดูแลเท้า: สำคัญมาก โดยเฉพาะในผู้ป่วยเบาหวาน ควรตรวจดูเท้าทุกวันเพื่อค้นหาบาดแผลหรือรอยฟกช้ำ เนื่องจากอาการชาอาจทำให้ไม่รู้สึกถึงการบาดเจ็บ
ออกกำลังกายสม่ำเสมอ: ช่วยลดอาการปวดและเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ
ควบคุมอาหาร: เน้นอาหารที่มีประโยชน์ อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุ
หากคุณมีอาการชา ปวดแสบปวดร้อน หรืออ่อนแรงที่มือหรือเท้า ควรปรึกษาแพทย์เพื่อวินิจฉัยและรับการรักษาที่เหมาะสมที่สุดค่ะ